เดี๋ยวนี้หลายคนสามารถที่จะเป็นโรค นิ้วล็อค ได้ง่ายมากขึ้น โรคนิ้วล็อคจนกลายเป็นโรคใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย โดยทั่วไปจะพบในผู้หญิงมากกว่าชาย ในปัจจุบันพบได้มากขึ้น เนื่องจากใช้นิ้วมือในการพิมพ์คีย์บอร์ด สมาร์ทโฟน หรือใช้ข้อมือขยับเมาส์คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ พอจะบอกได้เลยว่าเดี๋ยวกลุ่มคนที่ทำงานออฟฟิศจะเป็นกันมากขึ้นยระยะเริ่มแรกสังเกตุง่ายสุด คือ มีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ มีอาการสะดุดเวลาขยับนิ้ว งอนิ้ว และเหยียดนิ้ว
<< อ่ า น ต่ อ >>
สาเหตุของโรค นิ้วล็อค
โรคนิ้วล็อคเกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มเส้นเอ็นงอนิ้ว ตรงบริเวณฝ่ามือตรงตำแหน่งโคนนิ้วทำให้นิ้วขยับได้ไม่ดี งอข้อนิ้วมือแล้วไม่สามารถเหยียดกลับคืนได้เหมือนเดิม หรือรู้สึกเหมือนนิ้วถูกล็อคไว้
กลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นโรคนิ้วล็อค
คนที่ทำงานในลักษณะที่ต้องเกร็งนิ้วบ่อยเป็นระยะเวลานาน เช่น แม่บ้าน, พนักงานออฟฟิศ, คนทำอาหาร, ช่างฝีมือด้านต่างๆ, แพทย์, ทันตแพทย์, หรือคนสวน หรือในกลุ่มคนที่โรคประจำตัวที่เกี่ยวกับ เบาหวาน ไต เก๊าท์ หรือโรคข้อและกระดูก ซึ่งคนกลุ่มหลังนี้จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นได้มากกว่าคนทั่วไป
อาการของโรคนิ้วล็อค
ระยะที่ 1: คุณอาจจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วและปวดมากขึ้น แต่ยังไม่มีอาการสะดุด
ระยะที่ 2: เริ่มอาการสะดุดเวลาขยับนิ้ว งอนิ้ว และเหยียดนิ้ว
ระยะที่ 3: อาการระยะนี้เริ่มเห็นชัดมากขึ้นนิ้วจะมีอาการติดล็อค ไม่สามารถเหยียดนิ้วออกเองได้ต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งมาช่วยแกะ และมากขึ้นก็จะไม่สามารถงอนิ้วลงได้เอง
ระยะที่ 4: มีอาการอักเสบและบวม ไม่สามารถเหยียดนิ้วให้ตรงได้
การรักษาโรคนิ้วล็อค
- การรักษาโรคนิ้วล็อคมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ซึ่งอาจจะเป็นการทานยาบรรเทาปวด ลดอาการบวมและอักเสบ และทำการพักการใช้นิ้วระยะหนึ่งด้วยการดามนิ้วหรือการนวดประคบร้อนจนถึงการทำกายภาพบำบัด
- อาจเป็นการรักษาด้วยการฉีดยาเฉพาะที่ ในกลุ่มของยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวมของเส้นเอ็นแต่อาจทำให้อาการดีขึ้นได้เพียวระยะเวลาสั้นๆ และสามารถกลับมาทำซ้ำได้และไม่ควรฉีดยาเกิน 2 หรือ 3 ครั้ง ต่อนิ้วที่เป็นโรค
- แต่ถ้าอาการหนักมากอาจต้องพึ่งการผ่าตัด เพื่อให้เส้นเอ็นเคลื่อนผ่านได้สะดวกไม่ติดขัด หลังผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที ระวังแผลหลังผ่าตัดไม่ให้โดนน้ำ
วิธีการที่จะลดความเสี่ยงการเป็นนิ้วล็อค
- เริ่มด้วยทางออกง่าย ๆ คือ ไม่หิ้วของหนักเกิน อาจใช้วิธีการอุ้มประคองหรือรถเข็นลากแทนการหิ้วของ เพื่อลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือ
- งานที่ต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยหรือระบมควรพักมือเป็นระยะๆ และออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อมือบ้าง
- ไม่ควรหักนิ้วมือเล่นหรือหรือดีดนิ้วเล่น เพราะจะทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากยิ่งขึ้น
- ถ้ามีอาการมือเมื่อยล้า ให้แช่น้ำอุ่นร่วมกับการขยับมือ กำ-แบ ๆ ในน้ำเบาๆ จะทำให้ข้อฝืดลดลง
สำหรับอาการนิ้วล็อคถึงจะดูเหมือนไม่น่ากลัวมาก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้มีสุขภาพที่ดีน่าจะดีกว่าว่าไหมค่ะ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอาการนิ้วล็อค ก็ควรที่จะปฎิบัติตามข้อแนะนำเบื้องต้น การป้องกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่าเมื่อเป็นแล้วต้องทำการรักษานะคะ
#อาการนิ้วล็อค #การรักษาโรคนิ้วล็อค #สาเหตุอาการนิ้วล็อค